เกี่ยวกับเรา


ความเป็นมา

มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท วัดป่าดาราภิรมย์ เป็นองค์กรสาธาระประโยชน์ ก่อตั้งโดยพระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล) เมื่อปี พ.ศ. 2517 ดำเนินงานพัฒนาสังคมโดยไม่แสวงหาผลกำไร ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินงงานเกี่ยวกับการพัฒนาชนบทที่ยากจน มุ่งเน้นให้ชาวชนบทในพื้นที่เป้าหมายได้พัฒนาตนเอง สามารถพึ่งตนเองได้ สนับสนุนให้มีการแก้ไขปัญหาร่วมกันด้วยการรวมกลุ่ม ภายใต้ปรัชญาการทำงาน “เศรษฐกิจ จิตใจ ต้องแก้ไขพร้อมกัน”

วัตถุประสงค์

1. เพื่อส่งเสริมความสามารถทางกสิกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น

2. เพื่อส่งเสริมความสามารถทางการค้า การสหกรณ์ การเศรษฐกิจ การปกครอง การอนามัย ประชากรศึกษา และอื่นๆ ที่จะช่วยให้อาชีพกสิกรรมได้รับผลดียิ่งขึ้น

3. เพื่อส่งเสริมความรู้ความสามารถของการเป็นผู้นำในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านของตนเอง ให้เจริญก้าวหน้าในวิถีประชาธิปไตย

4. เพื่อส่งเสริมความรู้สึกรับผิดชอบที่จะรักษาไว้ซึ่งวัฒนะรรมของท้องถิ่น

5. เพื่อส่งเสริมคุณค่าแห่งการครองชีพในทางซื่อสัตย์ อดทน ขยัน กตัญญู ประหยัด และเป็นธรรม

6. เพื่อส่งเสริมการรู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล

7. เพื่อส่งเสริมความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

 

หลักการดำเนินงาน

1. ส่งเสริมกสิกร มุ่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มหรือจัดตั้งองค์กรชาวบ้านให้เข้มแข็ง ก่อตั้งกองทุนหรือสถาบันการเศรษฐกิจของชุมชน โดยหลักการของงานสหกรณ์ ทั้งในหน่วยเกษตรพัฒนา และเมตตานารี

2. มุ่งสอนวิทยา มุ่งให้การศึกษาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา ความรู้ ทักษะ ความชำนาญในการผลิตการบริหารและการจัดการในรูปแบบการฝึกอบรม การประชุมสัมมนา การทัศนศึกษา ดูงาน การสาธิต การให้การศึกษารูปแบบสถาบันพัฒนาเยาวสตรี และสถาบันการเรียนรู้

3. ดำรงศาสนา คือการนำหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชนบท เพื่อแก้ปัญหาด้านจิตใจ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง เหมาะสมในวิถีชาวพุทธ ในรูปแบบของการอบรมสอดแทรกธรรมะ ข้อคิด ในเวทีการจัดกิจกรรมต่างๆ และกำหนดให้สมาชิกมูลนิธิฯ มีธรรมะเป็นคุณสมบัติประจำตัว และประจำกลุ่ม รวม 4 ข้อคือ 1.เพิ่มพูนความขยัน(ขยัน)  2.แข่งขันกันประหยัด(ประหยัด)  3.ฝึกหัดทำความดี(เสียสละ)  4.สามัคคีร่วมชาติ(สามัคคี)

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้วัดหรือพระสงฆ์เป็นผู้นำในการพัฒนาสังคม โดยสนันสนุนพระสงฆ์ที่อยู๋ในพื้นที่เป้าหมายร่วมทำกิจกรรมกับสมาชิก และรวมกลุ่มพระสงฆ์ขึ้น (กลุ่มสังฆพัฒนาชุมชนล้านนา)

4. พัฒนาท้องถิ่น สนับสนุนให้สมาชิกชาวบ้านในชนบทเกิดจิตสำนึกที่จะพัฒนาท้องถิ่นของตนเองในทุกๆด้าน เช่น อาชีพกลุ่ม วัฒนธรรมประเพณี องค์ความรู้และภิมปัญญาที่มีคุณค่า รวมถึงสภาพแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้หลักคิดที่ว่า “ไม่หลงของเก่า ไม่เมาของใหม่ เป็นหัวใจของการพัฒนา”